พุยพุย เด็กพิเศษ กับ เด็กปกติ เรียนด้วยกันได้นะคะ

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

การบันทึกครั้งที่ 3

การบันทึกครั้งที่ 3
วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560


เนื้อหาที่ได้เรียน ความรู้ที่ได้รับ
  • เรียนต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว เรื่อง "ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ"

4. เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา (Children with Speech and Language Disorders)

เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องซึ่งเกิดจากการพูดผิดปกติ ในด้านความชัดเจนในการปรับปรุงแต่งระดับและคุณภาพของเสียง จังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด
1. ความบกพร่องในด้านการปรุงเสียง (Articulator Disorders)

  • เสียงบางส่วนของคำขาดหายไป "ความ" เป็น "คาม"
  • ออกเสียงของตัวอื่นแทนตัวที่ถูกต้อง "กิน" "จิน"  กวาด ฟาด
  • เพิ่มเสียงที่ไม่ใช่เสียงที่ถูกต้องลงไปด้วย "หกล้ม" เป็น "หก-กะ-ล้ม"
  • เสียงเพี้ยนหรือแปล่ง "แล้ว" เป็น "แล่ว"
2. ความบกพร่องของจังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด (speech Flow Disorders)
  • พูดไม่ถูกตามลำดับขั้นตอน ไม่เป็นไปตามโครงสร้างของภาษา
  • การเว้นวรรคตอนไม่ถูกต้อง
  • อัตราการพูดเร็วหรือช้าเกินไป
  • จังหวะของเสียงพูดผิดปกติ
  • เสียงพูดขาดความต่อเนื่อง สละสลวย
3. ความบกพร่องของเสียงพูด (Voice Disorders) 
  • ความบกพร่องของระดับเสียง
  • เสียงดังหรือค่อยเกินไป
  • คุณภาพของเสียงไม่ดี

ความบกพร่องทางภาษา หมายถึง การขาดความสามารถที่จะเข้าใจความหมาย ของคำพูด และ/หรือไม่สามารถแสดงความคิดออกมาเป็นถ้อยคำได้

1. การพัฒนาการทางภาษาช้ากว่าวัย (Delayed Language)  
  1. มีความยากลำบากในการใช้ภาษา
  2. มีความผิดปกติของไวยากรณ์และโครงสร้างของประโยค
  3. ไม่สามารถสร้างประโยคได้
  4. มีความบกพร่องทางเชาว์ปัญญา อารมณ์ สมองผิดปกติ
  5. ภาษาที่ใช้เป็นภาษาห้วน ๆ


2. ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจากพยาธิสภาพที่สมอง โดยทั่วไปเรียกว่า Dysphasia หรือ aphasia 
  1. อ่านไม่ออก (alexia) 
  2. เขียนไม่ได้ (agraphia ) 
  3. สะกดคำไม่ได้
  4. ใช้ภาษาสับสนยุ่งเหยิง
  5. จำคำหรือประโยคไม่ได้
  6. ไม่เข้าใจคำสั่ง
  7. พูดตามหรือบอกชื่อสิ่งของไม่ได้

ลักษณะของเด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา 
  1. ในวัยทารกมักเงียบผิดธรรมชาติ ร้องไห้เบา ๆ และอ่อนแรง 
  2. ไม่อ้อแอ้ภายในอายุ 10 เดือน 
  3. ไม่พูดภายในอายุ 2 ขวบ 
  4. หลัง 3 ขวบแล้วภาษาพูดของเด็กก็ยังฟังเข้าใจยาก 
  5. ออกเสียงตัวสะกดไม่ได้ 
  6. หลัง 5 ขวบ เด็กยังคงใช้ภาษาที่เป็นประโยคไม่สมบูรณ์ในระดับประถมศึกษา 
  7. มีปัญหาในการสื่อความหมาย พูดตะกุกตะกัก 
  8. ใช้ท่าทางในการสื่อความหมาย 

5. เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ (Children with Physical and Health Impairments) 

  1. เด็กที่มีอวัยวะไม่สมส่วน 
  2. อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป 
  3. เจ็บป่วยเรื้อรังรุนแรง
  4. มีปัญหาทางระบบประสาท
  5. มีความลำบากในการเคลื่อนไหว
  • โรคลมชัก (Epilepsy)
เป็นลักษณะอาการที่เกิดเนื่องมาจากความผิดปกติของระบบสมอง
มีกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติและมากเกินปล่อยออกมาจากเซลล์สมองพร้อมกัน
1.การชักในช่วงเวลาสั้น ๆ (Petit Mal)
  1. อาการเหม่อนิ่งเป็นเวลา 5-10วินาที
  2. มีการกระพริบตาหรืออาจมีเคี้ยวปาก
  3. เมื่อเกิดอาการชักเด็กจะหยุดชะงักในท่าก่อนชัก 
  4. เด็กจะนั่งเฉย หรือเด็กอาจจะตัวสั่นเล็กน้อย
2.การชักแบบรุนแรง (Grand Mal)
  1. เมื่อเกิดอาการชัก เด็กจะส่งเสียง หมดความรู้สึก ล้มลง กล้ามเนื้อเกร็ง เกิดขึ้นราว 2-5 นาที จากนั้นจะหาย และนอนหลับไปชั่วครู่
3.อาการชักแบบ Partial Complex
  1. มีอาการประมาณไม่เกิน 3 นาที
  2. เหม่อนิ่ง 
  3. เหมือนรู้สึกตัวแต่ไม่รับรู้และไม่ตอบสนองต่อคำพูด
  4. หลังชักอาจจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และต้องการนอนพัก
4.อาการไม่รู้สึกตัว (Focal Partial)
  1. เป็นอาการที่เกิดขึ้นในระยะสั้น เด็กไม่รู้สึกตัว อาจทำอะไรบางอย่างโดยที่ตัวเองไม่รู้ เช่น ร้องเพลง ดึงเสื้อผ้า เดินเหม่อลอย แต่ไม่มีอาการชัก
5.ลมบ้าหมู (Grand Mal)
  1. เมื่อเกิดอาการชักจะทำให้หมดสติ และหมดความรู้สึกในขณะชักกล้ามเนื้อเกร็งหรือแขนขากระตุก กัดฟัน กัดลิ้น 
การปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐาน ในกรณีเด็กมีอาการชัก
  1. จับเด็กนอนตะแคงขวาบนพื้นราบที่ไม่มีของแข็ง
  2. ไม่จับยึดตัวเด็กขณะชัก
  3. หาหมอนหรือสิ่งนุ่มๆรองศีรษะ
  4. ดูดน้ำลาย เสมหะ เศษอาหารออกจากปาก เพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง
  5. จัดเสื้อผ้าเด็กให้หลวม
  6. ห้ามนำวัตถุใดๆใส่ในปาก
  7. ทำการช่วยหายใจโดยวิธีการเป่าปากหากเด็กหยุดหายใจ


ซี.พี. (Cerebral Palsy) 
  1. การเป็นอัมพาตเนื่องจากระบบประสาทสมองพิการ หรือเป็นผลมาจากสมองที่กำลังพัฒนาถูกทำลายก่อนคลอด ระหว่างคลอด หรือหลังคลอด 
  2. การเคลื่อนไหว การพูด พัฒนาการล่าช้า เด็กซีพี มีความบกพร่องที่เกิดจากส่วนต่าง ๆ ของสมองแตกต่างกัน 


2.กลุ่มที่มีการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเอง (athetoid , ataxia)


  1. athetoid อาการขยุกขยิกช้า ๆ หรือเคลื่อนไหวเร็วๆที่เท้า แขน มือ หรือที่ใบหน้าของ เด็กบางรายอาจมีคอเอียง ปากเบี้ยวร่วมด้วย
  2. ataxia มีความผิดปกติในการทรงตัวของร่างกาย กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน

3. กลุ่มอาการแบบผสม (Mixed)
กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscular Distrophy) 
  1. เกิดจากเส้นประสาทสมองที่ควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้น ๆ เสื่อมสลายตัว 
  2. เดินไม่ได้ นั่งไม่ได้ นอนอยู่กับที่ 
  3. จะมีความพิการซ้อนในระยะหลัง คือ ความจำแย่ลง สติปัญญาเสื่อม 

โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ (Orthopedic)  ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการแต่กำเนิด เช่น เท้าปุก (Club Foot) กระดูกข้อสะโพกเคลื่อน อัมพาตครึ่งท่อนเนื่องจากกระดูกไขสันหลังส่วนล่างไม่ติด (Spina Bifida) ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการด้วยโรคติดเชื้อ (Infection) เช่น วัณโรค กระดูกหลังโกง กระดูกผุ เป็นแผลเรื้อรังมีหนอง เศษกระดูกผุ กระดูกหัก ข้อเคลื่อน ข้ออักเสบ





โปลิโอ (Poliomyelitis) 



  1. มีอาการกล้ามเนื้อลีบเล็ก แต่ไม่มีผลกระทบต่อสติปัญญา
  2. ยืนไม่ได้ หรืออาจปรับสภาพให้ยืนเดินได้ด้วยอุปกรณ์เสริม
วิธีรักษาเบื้องต้น
โรคกระดูกอ่อน (Osteogenesis Imperfeta)


โรคศีรษะโต (Hydrocephalus)


โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) 
โรคระบบทางเดินหายใจ โรคเบาหวาน (Diabetes mellitus)  
โรคหัวใจ (Cardiac Conditions)  
โรคมะเร็ง (Cancer)  
เลือดไหลไม่หยุด (Hemophilia)

แขนขาด้วนแต่กำเนิด (Limb Deficiency) 


ลักษณะของเด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ 
  1. มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว 
  2. ท่าเดินคล้ายกรรไกร
  3. เดินขากะเผลก หรืออึดอาดเชื่องช้า
  4. ไอเสียงแห้งบ่อย ๆ 
  5. มักบ่นเจ็บหน้าอก บ่นปวดหลัง 
  6. หน้าแดงง่าย มีสีเขียวจางบนแก้ม ริมฝีปากหรือปลายนิ้ว 
  7. หกล้มบ่อย ๆ
  8. หิวและกระหายน้าอย่างเกินกว่าเหตุ

แรงบันดาลใจจากผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้
1. Lena Maria

เลน่า มาเรีย  เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงของ สวีเดน  
เกิดเมื่อวันที่  28  กันยายน ค.ศ.1968  เธอไม่มีแขนทั้งสองข้าง และมีขาข้างซ้ายยาวเพียงครึ่งเดียวของขาข้างขวามาตั้งแต่เกิดโดยไม่ทราบสาเหตุ เลน่าเรียนว่ายน้ำตั้งแต่อายุ  3  ขวบ  จนได้เป็นนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติสวีเดน  ได้รับเหรียญรางวัลมากมาย เลน่าชอบร้องเพลงมาก หลังจากจบการศึกษาจากวิทยาลัยดนตรี ในกรุงสตอก-โฮล์ม  เมื่อปี ค.ศ.1991 แล้วเธอยึดการร้องเพลงเป็นอาชีพ มีผลงานมาแล้วหลายอัลบั้ม อาทิ  My life  ,  Best friend, และ  Amazing Grace


2. Nick Vujicic

 
นิค วูจิซิค Nick Vujicic แทนที่จะมัวหมกมุ่นสงสารตัวเอง หรือโกรธเกรี้ยวผู้คนรอบข้างด้วยเหตุผลต่างๆ นานาของ “ความไม่ยุติธรรม” (Why me?) เขากลับบอกพ่อแม่ว่าเขาอยากใช้ชีวิตปกติ ไม่ต้องการให้ใครมาดูแล หรือปฏิบัติต่อเขาอย่างพิเศษ แล้วเขาก็ใช้ชีวิตปกติ ไปโรงเรียนสามัญเรียนร่วมกับเพื่อนที่มีร่างกายสมบูรณ์ ผู้คนต่างมองเขาอย่างประหลาดใจ โดยที่ไม่ได้ตระหนักเลยว่าสิ่งที่พวกเขาคิดกับความเป็นจริงนั้น เป็นคนละเรื่องเลย เขาเรียนจบทางบัญชี และปัจจุบันเป็นนักสร้างแรงบันดาลใจที่เดินรอบโลก เพื่อพูดกับเด็ก-วัยรุ่นที่มีความคับข้องใจ ไม่พอใจ เป็นตัวอย่างที่มีชีวิต แสดงให้เห็นว่าที่แต่ละคนมีนั้น ยิ่งใหญ่ขนาดไหน จะทุกข์ร้อนอะไรนักหนา



ความรู้ที่ได้รับและการนำไปประยุกต์ใช้

สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการที่ได้เรียนทฤษฎีเนื้อหาของเด็กเรียนรวม และได้ทราบถึงประเภทต่างๆของเด็กพิเศษ ซึ่งสามารถที่จะนำไปปฏิบัติการเรียนการสอนกับเด็กปกติและเด็กพิเศษในอนาคต

การประเมินผล

ประเมินตนเอง : ตั้งใจเรียนและตั้งใจฟังเนื้อหาทฤษฎี เรื่อง เด็กที่มีความต้องการพิเศษ และได้ทราบประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ แถมยังได้ทราบถึงบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจในการดำรงชีวิตอีกด้วยค่ะ

ประเมินเพื่อน : เพื่อนๆตั้งใจเรียน และตั้งใจฟังเนื้อหาทฤษฎี เรื่อง เด็กที่มีความต้องการพิเศษรวมถึงประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

ประเมินอาจารย์ : อาจารย์เตรียมการเรียนการสอนของหลักการทฤษฎีเบื้องต้น ความหมายและประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ มาบรรยายให้ความรู้ในวันนี้ รวมไปถึงการนำตัวอย่างรูปภาพและคลิปวิดีโออีกด้วยค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น